สัญญาแฟรนไชส์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า/บริการ

แฟรนไชส์ หมายความว่า การประกอบธุรกิจที่บุคคลหนึ่งเรียกว่า แฟรนไชส์ซอร์ ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า แฟรนไชส์ซี ใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของตน หรือที่ตนมีสิทธิที่จะให้ผู้อื่นใช้ เพื่อประกอบธุรกิจภายในระยะเวลาที่กำหนด และการประกอบธุรกิจนั้นอยู่ภายใต้การส่งเสริม และควบคุมตามแผนการดำเนินธุรกิจของแฟรนไชส์ซอร์ และ แฟรนไชส์ซีมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่แฟรนไชส์ซอร์

แฟรนไชส์ซอร์ หมายความว่า ผู้ให้สิทธิในการประกอบธุรกิจ
แฟรนไชส์ซี หมายความว่า ผู้รับสิทธิในการประกอบธุรกิจ

สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการ หมายความว่า สัญญาเป็นหนังสือที่เจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการที่ได้จดทะเบียน อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้า/บริการของตน สำหรับสินค้า/บริการที่ได้จดทะเบียนไว้ทั้งหมดหรือบางอย่างก็ได้ โดยคำขอจดทะเบียนนั้นอย่างน้อยต้องแสดงรายการดังต่อไปนี้

1 .เงื่อนไขหรือข้อกำหนดระหว่างเจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการนั้น และผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตที่จะทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการนั้น สามารถควบคุมคุณภาพสินค้า/บริการของผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตได้อย่างแท้จริง
2 .สินค้า/บริการที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้น และ
3. ผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้นแต่ผู้เดียว หรือเจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการ อาจอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้นอีกได้
ความแตกต่างกันระหว่างสัญญาแฟรนไชส์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า/บริการ คือ
1.จะมีข้อตกลงเรื่องการจ่ายเงินค่าตอบแทนหรือไม่ก็ได้ ในสัญญาแฟรนไชส์ ผู้ที่เป็นแฟรนไชส์ซีจะต้องจ่ายค่าตอบแทนในการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาและเข้าร่วมประกอบธุรกิจ แต่สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการ ผู้ได้รับอนุญาตจะจ่ายค่าตอบแทนหรือไม่จ่ายค่าตอบแทนตามที่คู่สัญญาตกลงกันก็ได้
2.สัญญาแฟรนไซส์จะเน้นการดำเนินการธุรกิจเป็นสำคัญโดยแฟรนไซส์ซีจะต้องดาเนินธุรกิจภายใต้การส่งเสริมและการควบคุมตามแผนงานที่แฟรนไซส์ซอร์กำหนด แต่สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้น ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าจะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่เพื่อการควบคุมคุณภาพสินค้า/บริการตามที่เจ้าของเครื่องหมายการค้ากำหนดโดยเน้นหนักไปทางด้านคุณภาพสินค้าและการบริการเป็นสาคัญหรือต้นฉบับหนังสือรับรองนิติบุคคล พร้อมทั้งชำระเงินค่าธรรมเนียมการ จึงจะรับจดทะเบียนสัญญาอนุญาต ฯ ต่อไป

ความแตกต่างของสัญญาแฟรนไชส์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า

A.สัญญาแฟรนไชส์ มักจะทำสัญญากับผู้ซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก ร้านค้าที่ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าด้วย และ ต้องปฎิบัติตามสัญญาแฟรนไชส์ โดยสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าจะอยู่ในรูปแบบของสัญญาระหว่างกัน

B.สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า มักจะทำสัญญากับคู่สัญญาน้อยราย เช่น ระหว่างคู่ค้าธุรกิจ
คู่ค้าจะได้รับสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าโดยการนำไปจดทะเบียนที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาถึงจะใช้บังคับใช้ได้
และ คู่สัญญาต้องปฎิบัติตามสัญญาประกอบธุรกิจตามเงื่่อนไขที่ตกลงระหว่างกัน

ดังนั้น สัญญาแฟรนไชส์ และ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า ที่เหมือนกันคือมีสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้า แต่สัญญาแฟรนไชส์ไม่ต้องนำมาจดทะเบียนที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าต้องนำมาจดทะเบียนที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา

แอดไลน์ สัญญาแฟรนไชส์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า/บริการ

สัญญาแฟรนไชส์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า/บริการ

แฟรนไชส์ หมายความว่า การประกอบธุรกิจที่บุคคลหนึ่งเรียกว่า แฟรนไชส์ซอร์ ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า แฟรนไชส์ซี ใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของตน หรือที่ตนมีสิทธิที่จะให้ผู้อื่นใช้ เพื่อประกอบธุรกิจภายในระยะเวลาที่กำหนด และการประกอบธุรกิจนั้นอยู่ภายใต้การส่งเสริม และควบคุมตามแผนการดำเนินธุรกิจของแฟรนไชส์ซอร์ และ แฟรนไชส์ซีมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่แฟรนไชส์ซอร์

แฟรนไชส์ซอร์ หมายความว่า ผู้ให้สิทธิในการประกอบธุรกิจ
แฟรนไชส์ซี หมายความว่า ผู้รับสิทธิในการประกอบธุรกิจ

สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการ หมายความว่า สัญญาเป็นหนังสือที่เจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการที่ได้จดทะเบียน อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้า/บริการของตน สำหรับสินค้า/บริการที่ได้จดทะเบียนไว้ทั้งหมดหรือบางอย่างก็ได้ โดยคำขอจดทะเบียนนั้นอย่างน้อยต้องแสดงรายการดังต่อไปนี้

1 .เงื่อนไขหรือข้อกำหนดระหว่างเจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการนั้น และผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตที่จะทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการนั้น สามารถควบคุมคุณภาพสินค้า/บริการของผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตได้อย่างแท้จริง
2 .สินค้า/บริการที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้น และ
3. ผู้ขอจดทะเบียนเป็นผู้ได้รับอนุญาตมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้นแต่ผู้เดียว หรือเจ้าของเครื่องหมายการค้า/บริการ อาจอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้นอีกได้
ความแตกต่างกันระหว่างสัญญาแฟรนไชส์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า/บริการ คือ
1.จะมีข้อตกลงเรื่องการจ่ายเงินค่าตอบแทนหรือไม่ก็ได้ ในสัญญาแฟรนไชส์ ผู้ที่เป็นแฟรนไชส์ซีจะต้องจ่ายค่าตอบแทนในการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาและเข้าร่วมประกอบธุรกิจ แต่สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการ ผู้ได้รับอนุญาตจะจ่ายค่าตอบแทนหรือไม่จ่ายค่าตอบแทนตามที่คู่สัญญาตกลงกันก็ได้
2.สัญญาแฟรนไซส์จะเน้นการดำเนินการธุรกิจเป็นสำคัญโดยแฟรนไซส์ซีจะต้องดาเนินธุรกิจภายใต้การส่งเสริมและการควบคุมตามแผนงานที่แฟรนไซส์ซอร์กำหนด แต่สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการนั้น ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าจะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่เพื่อการควบคุมคุณภาพสินค้า/บริการตามที่เจ้าของเครื่องหมายการค้ากำหนดโดยเน้นหนักไปทางด้านคุณภาพสินค้าและการบริการเป็นสาคัญหรือต้นฉบับหนังสือรับรองนิติบุคคล พร้อมทั้งชำระเงินค่าธรรมเนียมการ จึงจะรับจดทะเบียนสัญญาอนุญาต ฯ ต่อไป

ความแตกต่างของสัญญาแฟรนไชส์และสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า

A.สัญญาแฟรนไชส์ มักจะทำสัญญากับผู้ซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก ร้านค้าที่ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าด้วย และ ต้องปฎิบัติตามสัญญาแฟรนไชส์ โดยสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าจะอยู่ในรูปแบบของสัญญาระหว่างกัน

B.สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า มักจะทำสัญญากับคู่สัญญาน้อยราย เช่น ระหว่างคู่ค้าธุรกิจ
คู่ค้าจะได้รับสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าโดยการนำไปจดทะเบียนที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาถึงจะใช้บังคับใช้ได้
และ คู่สัญญาต้องปฎิบัติตามสัญญาประกอบธุรกิจตามเงื่่อนไขที่ตกลงระหว่างกัน

ดังนั้น สัญญาแฟรนไชส์ และ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้า ที่เหมือนกันคือมีสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้า แต่สัญญาแฟรนไชส์ไม่ต้องนำมาจดทะเบียนที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าต้องนำมาจดทะเบียนที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา

แอดไลน์