การยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรระบบ Paris Convention กับ PCT (Patent Cooperation Treaty) แบบไหนดีกว่ากัน
ก.Paris Convention ต้องมีคุณสมบัติพิจารณาดังนี้
–จดทะเบียนสิทธิบัตรเป็นรายประเทศ เช่น ไม่ควรเกิน 3-5 ประเทศ
-ประเทศ 3-5 ประเทศนั้นต้องมีค่ายื่นจดทะเบียนไม่แพง เช่น ยื่นโซนเอเซีย
-ต้องยื่นให้ครบทุกประเทศภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ยื่นจดทะเบียนคำขอแรกแล้ว ถ้าเกินจะยื่นไม่ได้เพราะถือว่าซ้ำซ้อนกับคำขอแรก
-ไม่มีกำหนดเวลาพิจารณาสิทธิบัตร
ข.PCT (Patent Cooperation Treaty) ต้องมีคุณสมบัติพิจารณาดังนี้
-จดทะเบียนสิทธิบัตรหลายประเทศ เช่น 5 ประเทศขึ้นไป
-ต้องยื่นให้ครบทุกประเทศภายใน 30-31 เดือนนับจากวันที่ยื่นจดทะเบียนคำขอแรกแล้ว ถ้าเกินจะยื่นไม่ได้เพราะถือว่าซ้ำซ้อนกับคำขอแรก
-ได้รายงานการสืบค้นทั่วโลก และ มีโอกาสตัดสินใจว่าจะยื่นเข้าประเทศปลายทางหรือไม่ พร้อมกับศึกษาแนวโน้มของตลาดไปพร้อมกับการประเมินโอกาสที่ได้รับสิทธิบัตร เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าสู่ตลาดในประเทศนั้นๆ
– มีกำหนดเวลาพิจารณาสิทธิบัตร
ข้อดีของระบบ PCT (Patent Cooperation Treaty)
1.อำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอรับสิทธิบัตรที่ต้องการความคุ้มครองในหลายประเทศ
2.สามารถศึกษาแนวโน้มของตลาดไปพร้อมกับการประเมินโอกาสที่ได้รับสิทธิบัตรในประเทศปลายทางได้นานถึง 30-31 เดือน
3.ราคาประหยัดและใช้เวลาน้อย
ข้อสังเกตและข้อแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำขอ PCT (Patent Cooperation Treaty)
1.ยื่นคำขอในนามบุคคลธรรมดาจะได้ลดค่าธรรมเนียมคำขอระหว่างประเทศ
2.วันที่ยื่นจดทะเบียนคำขอแรก ถือว่าเป็นวันรับคำขอ PCT (Patent Cooperation Treaty) ในประเทศภาคีทุกประเทศ