เครื่องหมายการค้า มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำธุรกิจ หรือ อาจจะมีชื่อเรียกที่คุ้นเคยกันในชื่อ ลิขสิทธิ์โลโก้ โลโก้แบรนด์ ยี่ห้อสินค้า หรือ ลิขสิทธิ์สินค้า เป็นต้น
เครื่องหมายการค้า มีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และจดจำให้ผู้บริโภคสามารถจำแนกความแตกต่างของสินค้าหรือบริการ และ แหล่งที่มาของเจ้าของเครื่องหมายการค้า
การแสดงความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า คือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นนำ เครื่องหมายการค้าเดียวกันหรือคล้ายกันมาใช้เพื่อให้เกิดความสับสนหรือหลงผิดในแหล่งกำเนิดของสินค้า เป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญ จากการถูกลอกเลียน หรือละเมิด หากไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า อาจต้องเจอกับความยากลำบากในการปกป้องโลโก้ หรือสัญลักษณ์จากการถูกละเมิด
วันนี้ TGC Thailand เลยอยากจะมาแชร์ข้อมูลว่า เครื่องหมายการค้ามีวิธีการจดทะเบียนอย่างไร? มีทั้งหมดกี่แบบ? และแต่ละแบบคืออะไรบ้าง?
Trademark Value – ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มมูลค่า
โดยมีหลักการที่สำคัญคือ
จดเครื่องหมายการค้าได้ก่อน ใช้เงิน 1 พันบาท
จดเครื่องหมายการค้าทีหลัง และ อยากได้คืนใช้เงิน 1 แสนบาท
เครื่องหมายการค้า คือ อะไร?
สรุปให้เข้าใจแบบสั้นๆ คือ เครื่องหมายการค้า ต้องการให้ผู้บริโภคทราบว่าสินค้าหรือบริการ และ เจ้าของสินค้าคือใคร เวลาใช้บริการก็จะไม่ทำให้เกิดความสับสนและความเข้าใจ ซึ่งต้องสร้าง อัตลักษณ์ (Identity) และ การจดจำ ที่อาจจะอยู่ในรูปของ ของแบรนด์ โลโก้ สี เสียง กลิ่น หรือรูปลักษณ์ที่เห็นภายนอก ในทางกฎหมาย เรียกว่า มีความบ่งเฉพาะ (Distinctiveness) ซึ่งทำให้ เครื่องหมายนั้นสามารถยื่นจดทะเบียนและผูกขาดสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้ เครื่องหมายการค้านั้น
ประเภทเครื่องหมายการค้า ตามกฎหมาย 4 ประเภท ดังนี้
เครื่องหมายการค้า (Trade mark) ใช้กับสินค้า ติดที่สินค้าเลย
เครื่องหมายบริการ (Service mark) ใช้กับบริการ ไม่มีสินค้ามีแต่บริการขาย
เครื่องหมายรับรอง (Certification mark) ใช้รับรองคุณภาพ แหล่งกำเนิดของสินค้า
เครื่องหมายร่วม (Collective mark) ใช้โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน หรือโดยสมาชิกของ สมาคม สหกรณ์สหภาพ สมาพันธ์ กลุ่มบุคคลหรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน
เครื่องหมายการค้า ลักษณะอื่นๆ
1. เครื่องหมายเสียง (Sound mark)
2. เครื่องหมายกลิ่น (Smell mark)
3. เครื่องหมายรูปลักษณ์ (Trade dress)
หลักเกณฑ์การจดเครื่องหมายการค้า
โดยต้องยึดหลักการพื้นฐาน 3 ข้อ ได้ดังนี้
1. มีความบ่งเฉพาะ (Distinctiveness)
ยกตัวอย่างเครื่องหมายการค้า ที่ไม่มีความบ่งเฉพาะ คร่าวๆ ได้ดังนี้
1.1 เสียงเรียกขานหรือรูปสัญลักษณ์ ที่สื่อถึงสินค้าหรือบริการ โดยตรง เช่น ขายรถยนต์ใช้คำว่า car to you แสดงว่า รถยนต์สำหรับคุณ
1.2 เสียงเรียกขานหรือรูปสัญลักษณ์ ที่แสดงลักษณะและคุณสมบัติของสินค้า เช่น ขายรถยนต์ใช้คำว่า car dee แสดงว่า รถยนต์ดี
1.3 เสียงเรียกขานหรือรูปลักษณ์ ที่มีลักษณะเป็นคำสามัญทั่วไป เช่น ขายรถยนต์ใช้คำว่า good to you แสดงว่า ดีสำหรับคุณ
ประเภทเครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่ง: บ่งเฉพาะ |
ประเภทเครื่องหมายการค้าที่อ่อนแอ: ไม่บ่งเฉพาะ |
---|---|
เครื่องหมายการค้าที่เพ้อฝันเป็นคำที่แต่งขึ้น คำนี้ไม่มีความหมายอื่นใดนอกเหนือจากความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจมอบให้ ลองคิดแบบนี้: หากคุณค้นหาคำว่า ‘Adidas’ ในพจนานุกรม จะไม่มีอยู่จริง นั่นเป็นเพราะแบรนด์รองเท้าผ้าใบและรองเท้ากีฬาคิดค้นคำนี้ขึ้นมา! เครื่องหมายการค้าตามอำเภอใจคือคำจริงที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจ พิจารณา Apple ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ผลไม้ยอดนิยมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสินค้าที่บริษัท Apple จัดหาให้ เครื่องหมายการค้าที่มีการชี้นำเป็นนัยถึงประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีให้ แต่ไม่ได้เปิดเผยอย่างชัดเจน มารับบริษัทรถจากัวร์กันเถอะ เครื่องหมายการค้านี้ให้ความรู้สึกว่าการขับรถจากัวร์จะเร็วเหมือนแมวตัวใหญ่
|
เครื่องหมายการค้าเชิงพรรณนาจะอธิบายลักษณะบางอย่างของสินค้าหรือบริการ เช่น คุณภาพ ลักษณะเฉพาะ หน้าที่หรือวัตถุประสงค์ โดยไม่แยกแยะในลักษณะที่จับต้องได้ แน่นอนว่าร้านค้าปลีกที่ขายตุ๊กตาหมีสามารถเรียกตัวเองว่า “น่ารัก” ได้ แต่ Build-A-Bear Workshop เป็นเครื่องหมายที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
เครื่องหมายการค้าทั่วไปคือชื่อทั่วไปสำหรับสินค้าหรือบริการของคุณ หากคุณเป็นธุรกิจทำเทียนและพยายามทำเครื่องหมายการค้าคำว่า “candle” มีโอกาสสูงที่จะถูกปฏิเสธ ท้ายที่สุดแล้ว จุดประสงค์ของเครื่องหมายการค้าก็เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของคุณจากแบรนด์อื่นในตลาด และหากทุกคนในธุรกิจทำเทียนใช้เครื่องหมายการค้า “candle” ลูกค้าก็จะค่อนข้างสับสน |
2. ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายที่จดทะเบียนไว้ก่อนหน้า (Similarity)
ซึ่งต้องทำการสืบค้นเครื่องหมายการค้าก่อนจดทะเบียน ตามลิ้งด้านล่าง
ในการพิจารณาความเหมือนคล้ายของเครื่องหมายการค้านั้น มีหลักการ คือ ภาพปรากฎ เสียงเรียกขาน และ รายการสินค้า/บริการ จะต้องมีความแตกต่างกัน
3. ต้องไม่มีลักษณะที่ต้องห้าม
3.1 ไม่เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ เช่น ชื่อประเทศ ตำบล อำเภอ ภูเขา ทะเล เป็นต้น
3.2 ไม่สื่อไปในทางลามก อนาจาร หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
3.3 ไม่เป็นรูปธงชาติ หรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
3.4 ไม่เป็นชื่อ หรือ ภาพ ที่ขัดต่อความสงบสุขเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
เครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะที่ต้องห้ามและไม่สามารถยื่นจดทะเบียนได้
พิจารณาว่าใครบ้างที่ต้องยื่นจดเครื่องหมายการค้า ?
สถานที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
หรือ หากไม่สะดวกในการเดินทาง เราสามารถจดทะเบียนแบบออนไลน์ได้แล้วที่เว็บไซต์ของ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่อยู่ที่สนามบินน้ำ นนทบุรี หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด
การจดเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ สามารถทำได้โดย 2 วิธี หลักๆ คือ
1. Direct route
คือการเข้าไปจดทะเบียนยังประเทศที่ต้องการรับความคุ้มครองโดยตรงเป็นรายประเทศ ข้อดีคือ เราสามารถเลือกประเทศในการยื่นจดทะเบียนได้ โดยไม่ต้องยื่นจดทะเบียนพร้อมกันทั้งหมด ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่า Madrid protocol และ ต้องมีความยุ่งยากในการติดต่อตัวแทนในแต่ละประเทศ และ เรื่องเอกสารที่ต้องดำเนินการผ่าน กรมกางกงสุล และ สถานทูตในเรื่องของการรับรองเอกสาร
2. Madrid protocol
ประโยชน์ของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
1. ป้องกันคนละเมิดเครื่องหมายการค้า
2. ซื้อขายแลกเปลี่ยน
เครื่องหมายการค้า คือทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตน (Intangible asset) และ สามารถซื้อขายได้ ยิ่งเครื่องหมายการค้ามีชื่อเสียง ประวัติอันยาวนานก็มีราคาสูง
3. อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ
การอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensing) เป็นการให้สิทธิสำหรับสินค้าบางอย่าง หรือ บริการบางอย่าง เช่น doreamon มีชื่อเสียงอย่างมาก ก็สามารถอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensing) สำหรับการขายเสื้อผ้า ขายเกม ร้านอาหาร หรือ ทำภาพยนต์ ได้เป็นต้น
4. สร้างการจดจำในระยะยาว
จ้างจดเครื่องหมายการค้า ได้อะไร?
อย่างไรก็ดีการจดเครื่องหมายการค้านั้นต้องใช้เวลานานประมาณ 1 ปี ซึ่งหากยื่นจดทะเบียนเองโดยไม่มีที่ปรึกษาหรือแนะนำว่าการจดทะเบียนนั้นจะผ่านหรือไม่ ก็จะทำให้เสียโอกาส ค่าใช้จ่าย เวลา และ บางกรณีการจดทะเบียนไม่ผ่านยังกระทบถึงความเสียหายของธุรกิจด้วย ดังนั้น การจ้างจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าก็เปรียบเสมือนที่ปรึกษาทางกฎหมายและทางธุรกิจด้วย
ทั้งนี้หากใครมีความสงสัยเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า หรือทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ หรือต้องการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้ ทั้งทางช่องทางไลน์และโทรศัพท์กับเรา TGC Thailand ได้ ซึ่งเป็นช่องทางที่ทั้งง่ายและสะดวก